ในอดีต หนังเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและรับแรงได้ดี จึงมีการนำมาใช้เป็นเกราะป้องกันตัว เครื่องหนังสามารถป้องกันอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บระดับเล็กถึงระดับปานกลางได้จริง เช่น จากการหกล้ม ถลอก นอกจากนั้น เมื่อนำไปทำเป็นเสื้อผ้าหนัง ยังต้านลม ระบายอากาศ และกันน้ำได้ดี
เคยมีทัศนคติว่าเครื่องหนังเกี่ยวข้องกับความเข้มแข็งแบบผู้ชาย ความแข็งแรง การสวมใส่หรือใช้งานเครื่องหนัง เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า และอื่นๆ ทำให้มีความน่าค้นหา และอาจดูร้ายๆสไตล์แบดบอย แต่ในปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป ทุกเพศ เลือกใส่ได้ตามรสนิยม และความชอบเป็นการส่วนตัว
คุณภาพของเครื่องหนังที่ดี มีอายุใช้งานที่ยาวนานมาก ถ้าได้รับการดูแลที่ดีจะยิ่งมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากหนังไม่ใช่เกิดจากการทอเหมือนผ้าทั่วไป ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการเสียหายจากการถูกขีดข่วน เป็นขุย รอยแตก และเสียหายเหมือนผ้า
หนัง เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องหนัง เช่น กระเป๋า เสื้อผ้ากันหนาว รองเท้า วัสดุตกแต่งผนัง และสินค้าประเภทหนังอื่นๆ
หนังแท้ เป็นหนังที่ได้มาจากหนังสัตว์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย จระเข้ งู จิงโจ้ เสือ แกะ มีจุดเด่นที่สำคัญคือ ลวดลายสวยงาม ทนทานต่อการใช้งาน แต่มีข้อด้อยคือ น้ำหนักมาก ราคาสูง และอาจใช้งานด้วยความไม่สบายใจสำหรับผู้ที่รักและเอ็นดูสัตว์มากๆเนื่องจากได้มาจากหนังของสัตว์ที่เสียชีวิตแล้ว
ทำให้มีตัวเลือกวัตถุดิบอื่นที่เข้ามาทดแทนมากมาย เรียกว่า “หนังเทียม” แต่ยังคงเน้นที่ลวดลายคล้ายหนังแท้ โดยมีจุดเด่นคือ ราคาถูก น้ำหนักเบา เหมาะกับสินค้าประเภทแฟชั่น
1. ประเภทของหนัง
แบ่งออกได้หลายประเภท มีคุณสมบัติ ข้อดี และข้อด้อยแตกต่างกันไป ได้แก่
(1.1) หนังแท้ (Genuine Leather) เป็นหนังจากผิวหนังของสัตว์ตามธรรมชาติที่ผ่านการฟอกหนังมาแล้ว เครื่องหนังในปัจจุบันมีจำนวนไม่น้อยที่ทำมาจากหนังชนิด bonded เป็นหนังเกรดด้อยลงมาผสมกับหนังสังเคราะห์บางส่วนก่อนนำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นก่อนมาตัดเย็บ ทำให้มีราคาลดต่ำลงเพียงพอแข่งขันได้กับหนังสังเคราะห์ และยังคงมีรูปลักษณ์ไม่ต่างไปจากหนังแท้เกรดดี ซึ่งข้อด้อยที่สำคัญคือ ความไม่คงทน
(1.2) หนังสังเคราะห์ (Synthetic leather) เป็นวัตถุดิบคล้ายหนังที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่นิยมผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ดูผิวเผินจะใกล้เคียงกับหนังแท้มาก ความคงทนจะด้อยกว่า แต่ราคาถูกกว่าหนังแท้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นแฟชั่นหรืออินเทรนด์ ข้อเสียคือ ระบายอากาศไม่ดีเท่าหนังแท้
(1.3) หนังแก้ว (Patent leather) ทำได้จากทั้งหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ หนังแก้วมีจุดเด่นที่ความเป็นมันวาวเพราะเคลือบสารที่ทำให้มีความแวววาว แต่มีข้อด้อยที่ต้องระวังเรื่องการขีดข่วน ความร้อน และสารเคมี
(1.4) หนังกลับ Suede Leather ทำจากแผ่นหนังสัตว์ หนังวัวด้านใน นำมาเข้ากระบวนการขัดทรายให้มีผิวสัมผัสคล้ายกำมะหยี่ และย้อมสีตามต้องการ
(1.5) หนังกลับ Nubuck leather ทำจากแผ่นหนังสัตว์ หนังวัวด้านนอก นำมาเข้ากระบวนการเช่นเดียวกับหนังกลับ Suede leather แต่มีราคาถูกกว่า เนื่องจากเป็นหนังสัตว์ด้านนอกอาจมีรอยแผลของหนัง ไม่เรียบสวยงาม
2. หนังแท้ (Genuine Leather)
ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า หนังแท้ เป็นหนังที่ได้มาจากหนังสัตว์ตามธรรมชาติ แล้วนำมาแยกชั้นของหนังเป็นชั้นต่างๆ และผ่านกระบวนการฟอกหนัง แบ่งย่อยเป็น 4 ประเภทคือ
(2.1) หนัง Full grain เป็นหนังชั้นบนสุด มีลวดลายของหนังสัตว์เดิมตามธรรมชาติ หลังผ่านกระบวนการฟอกหนังแล้ว จึงมาทำการพ่นเงาเน้นลวดลายของตัวหนัง ข้อดีของผิวหนังแท้คือ ทนทาน คุณภาพดีเยี่ยม ส่วนข้อด้อยคือ ราคาสูง หนังแท้ประเภทนี้นิยมนำไปผลิตเป็นหนังของผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องหนัง
(2.2) หนัง Split เป็นหนังชั้นกลาง ยังคงเหลือโครงสร้างเนื้อหนังที่ดี จึงนำไปผลิตเป็นหนัง ประเภทหนังกลับ (แบบ Suede leather และ Nubuck leather) รวมทั้งยังนำไปเคลือบพียู (PU หรือโพลียูรีเทน – Polyurethane) เพื่อสร้างลวดลายเทียมขึ้นมาได้ หนังแท้ประเภทนี้นิยมนำไปผลิตเป็นหนังหน้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
(2.3) หนัง Lining เป็นหนังชั้นสุดท้าย โครงสร้างไม่เหมาะกับการนำไปทำหนังหน้า ส่วนใหญ่จึงนำไปทำเป็นซับในของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
(2.4) หนัง Bonded leather เป็นเศษหนังที่เหลือจาก 3 ประเภทขั้นต้น มีการนำไปผสมกับกาว แล้วจึงนำไปม้วนหรือแผ่น ก่อนนำไปเคลือบพียูอีกครั้งจึงเสร็จขั้นตอนการผลิต สามารถนำไปใช้งานได้ในส่วนต่างๆของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
3. หนังเทียม (Synthetic leather, Faux leather, PU leather)
หนังเทียม หรือหนังสังเคราะห์ เป็นกรรมวิธีการผลิตวัสดุให้มีความใกล้เคียงกับหนังแท้ เช่น การสร้างลวดลาย สี และรูปลักษณ์ต่างๆ
ข้อดีของหนังประเภทนี้คือ ราคาถูก น้ำหนักเบา แต่ข้อเสียคือ อายุใช้งานสั้น ประมาณ 2 – 5 ปีขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต
ในต่างประเทศ นิยมนำไปใช้กับการตกแต่งหรือร่วมประดับพื้นที่ที่ต้องการสร้างบรรยากาศอบอุ่น และหรูหรา เช่น ห้องส่วนกลางในโฮมออฟฟิส
โดยทั่วไป หนังเทียมแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
(3.1) หนังพียู (PU leather) เป็นหนังเทียมที่มีคุณสมบัติให้การสัมผัสใกล้เคียงหนังแท้มากที่สุด และดีที่สุดในบรรดาหนังเทียม หนัง PU มีขั้นตอนการผลิตสะอาด ไร้มลพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ หลายประเทศจึงนำไปใช้งานหลากหลาย แม้แต่นำไปเป็นส่วนประกอบของเล่นเด็ก เช่น ประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกา
(3.2) หนังเซมิพียู (Semi PU)
(3.3) หนังพีวีซี (PVC)
ข้อคิดสำหรับคุณผู้หญิง หากต้องการเลือกซื้อกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย รองเท้า และเสื้อกันหนาว ที่เป็นหนังแล้ว หนังแท้เป็นตัวเลือกดีที่สุด แต่มีสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา 2 อย่างคือ ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนตามเทรนด์หรือแฟชั่นในแต่ละช่วงเวลาได้บ่อยๆ และสินค้าประเภทหนังแท้ยังมีน้ำหนักค่อนข้างมากอีกด้วย แต่ถ้าไม่ต้องการแล้ว หนัง PU และหนัง PVC จะเป็นตัวเลือกที่ดี
อ่านต่อตอนที่ 2 หนังเทียม Faux Leather
***************************
Ladies & Kids Shop